บรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางที่ยั่งยืน: การเติบโตของขวดแก้วที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้

Time: Apr 21, 2025

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการเลือกบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง

พลาสติกเทียบกับแก้ว: การเปรียบเทียบเรื่องความยั่งยืน

เมื่อเรามองดูบรรจุภัณฑ์พลาสติกเทียบกับบรรจุภัณฑ์แก้วในแง่สิ่งแวดล้อม ความแตกต่างค่อนข้างชัดเจน การผลิตพลาสติกต้องใช้ทรัพยากรมากกว่าเพราะต้องพึ่งพากระบวนการปิโตรเคมีที่ปล่อย CO2 ออกมา แต่การผลิตแก้วกลับไม่ได้แย่เท่าไรนัก เพราะส่วนใหญ่เขาใช้วิธีหลอมทรายซิลิกา การรีไซเคิลก็ให้ภาพที่แตกต่างออกไปอีก โดยทั่วโลกมีพลาสติกเพียงประมาณ 9% เท่านั้นที่ถูกรีไซเคิล ส่วนแก้วนั้นสามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งโดยไม่เสียคุณภาพหรือความบริสุทธิ์เลย สิ่งที่เกิดขึ้นกับโลกของเรา โดยเฉพาะปัญหาจากพลาสติกนั้นค่อนข้างน่าเป็นห่วง ขยะพลาสติกยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในมหาสมุทรของเรา Greenpeace และองค์กรอื่น ๆ ได้ติดตามข้อมูลและพบว่ามีพลาสติกประมาณ 8 ล้านตันเมตริกต่อปีไหลลงสู่ทะเล น้ำท่วมขยะพลาสติกมหาศาลนี้ก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงต่อสัตว์น้ำและทำลายระบบนิเวศใต้ทะเลในลักษณะที่แทบย้อนกลับไม่ได้

วิธีที่ขวดนำกลับมาใช้ใหม่ลดขยะในอุตสาหกรรมความงาม

การนำบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ซ้ำได้มาใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง กำลังเปลี่ยนวิธีที่บริษัทต่างๆ จัดการกับขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งเหล่านั้น ลองดูตัวอย่างเช่น ขวดบรรจุภัณฑ์ที่เติมซ้ำได้เหล่านี้ ดูสิ เมื่อลูกค้าสามารถเติมผลิตภัณฑ์ลงในภาชนะเดิมของตนเองได้แทนที่จะต้องซื้อขวดใหม่ทุกครั้ง มันช่วยลดความต้องการการผลิตพลาสติกใหม่ได้อย่างมาก ลองดูสิ่งที่บริษัทลัช (Lush) ได้ทำไว้กับจุดบริการเติมของพวกเขาที่มีอยู่ในร้านค้าทั่วโลก ระบบของพวกเขานั้นสามารถช่วยลดขยะพลาสติกที่จะถูกนำไปทิ้งในหลุมฝังกลบได้หลายตันต่อปี ประโยชน์ที่ได้รับนั้นยังมากกว่าแค่การปกป้องสิ่งแวดล้อมเท่านั้น บริษัทต่างๆ ยังประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากไม่จำเป็นต้องผลิตบรรจุภัณฑ์ใหม่จากศูนย์ตลอดเวลา และผู้บริโภคก็ได้รับสินค้าในราคาที่ถูกลง เนื่องจากมีต้นทุนแฝงที่ลดลง แม้ว่าแนวทางนี้ยังถือว่าใหม่ แต่ก็มีความน่าสนใจมากพอที่แบรนด์ความงามอื่นๆ อีกหลายรายเริ่มทดลองใช้โมเดลที่คล้ายกันมากขึ้น ไม่ว่าความพยายามเหล่านี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมได้จริงหรือไม่นั้น ยังคงต้องจับตามองต่อไป แต่จากสัญญาณเบื้องต้นนั้น ชี้ให้เห็นถึงอนาคตที่ความยั่งยืนไม่ใช่แค่เพียงการตลาดที่ดี แต่ยังเป็นแนวทางทางธุรกิจที่สร้างผลกำไรได้จริง

ประโยชน์ของขวดแก้วในบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางที่ยั่งยืน

ความสามารถในการรีไซเคิลไม่จำกัดและความต้านทานสารเคมี

เมื่อพิจารณาว่าทางเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั้นมีอะไรบ้าง ขวดแก้วถือว่าโดดเด่นกว่าด้วยเหตุผลหลายประการ จุดเด่นที่ใหญ่ที่สุดคือ แก้วสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ตลอดไป ตลอดกาล ไม่เหมือนพลาสติกที่เสื่อมคุณภาพลงหลังผ่านการรีไซเคิลหลายครั้ง แต่แก้วยังคงความแข็งแรงไว้ได้ไม่ว่าจะถูกรีไซเคิลกี่ครั้งก็ตาม (ข้อมูลจาก Future Market Insights ยืนยันเรื่องนี้) ลองดูตัวเลขเปรียบเทียบด้วย มีพลาสติกเพียงประมาณ 9% เท่านั้นที่ถูกรีไซเคิลทั่วโลก แต่สำหรับแก้วนั้นยังคงนำกลับมาใช้ได้เรื่อยๆ อีกหนึ่งข้อได้เปรียบที่สำคัญคือ ความทนทานต่อสารเคมีของแก้ว ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่เก็บรักษาในภาชนะแก้วจะได้รับการปกป้องจาการปนเปื้อนและสารเคมีรั่วไหลที่เราทุกคนต้องการหลีกเลี่ยง นี่จึงเป็นความแตกต่างที่สำคัญมากสำหรับสินค้าอย่างผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ความบริสุทธิ์มีความสำคัญอย่างยิ่ง แบรนด์ต่างๆ เริ่มให้ความสนใจมากขึ้นเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นแบรนด์ Lush ที่เปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์แบบแก้ว และลูกค้าก็รับรู้ถึงความแตกต่างทั้งในเรื่องความปลอดภัยและการทำงานที่ดีขึ้นของผลิตภัณฑ์

การเก็บรักษาคุณภาพสูงสำหรับสูตรดูแลผิว

ขวดแก้วสามารถช่วยรักษาประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสามารถป้องกันแสง UV ที่เป็นอันตรายและปิดกั้นการเข้าของอากาศ สารส่วนใหญ่ในสูตรผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมีความอ่อนไหวและเสื่อมสภาพได้ง่ายเมื่อถูกแสงและอากาศ สิ่งวิจัยแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ที่เก็บรักษาในขวดแก้วมีอายุการใช้งานบนชั้นวางยาวนานกว่า เนื่องจากได้รับการปกป้องจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความชื้นและการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ อุตสาหกรรมความงามนิยมใช้ภาชนะแก้วมานานแล้วด้วยเหตุผลนี้ เพื่อให้ลูกค้าได้รับสารอาหารและส่วนผสมที่เป็นประโยชน์ต่อผิวอย่างเต็มที่ ปัจจุบันมีผู้บริโภคจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เลือกใช้บรรจุภัณฑ์แบบแก้ว เพราะนอกจากจะดูดีเมื่อวางไว้บนโต๊ะแล้ว ยังทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าแบรนด์ให้ความสำคัญกับคุณภาพ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ซื้อที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมักจะเลือกผลิตภัณฑ์ความงามระดับพรีเมียมที่ใช้บรรจุภัณฑ์แบบแก้ว

การสอดคล้องกับค่านิยมทางสิ่งแวดล้อมของแบรนด์

เมื่อบริษัทต่าง ๆ เลือกใช้บรรจุภัณฑ์จากแก้ว นั่นหมายความว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง การใช้ขวดแก้วที่ยั่งยืนช่วยสร้างภาพลักษณ์ว่าเป็นบริษัทที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีความรับผิดชอบ ซึ่งดึงดูดลูกค้าที่ต้องการสนับสนุนธุรกิจที่ใส่ใจโลก ตัวอย่างเช่น Fenty Beauty การเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของแบรนด์นี้ ช่วยเพิ่มข้อได้เปรียบในการแข่งขันได้อย่างชัดเจน คนที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมักจะภักดีต่อแบรนด์ที่มีค่านิยมตรงกัน ดังนั้นจึงช่วยสร้างความภักดีและความแตกต่างให้แบรนด์เหนือคู่แข่ง ตามผลสำรวจล่าสุด พบว่าประมาณ 60% ของผู้ซื้อสินค้าชอบที่จะซื้อจากบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนมีความสำคัญเพียงใดในการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้า

วิธีการบรรจุภัณฑ์แก้วนวัตกรรมสำหรับแบรนด์เครื่องสำอาง

ขวดแก้วหรูหราแบบกำหนดเองได้ (30-120 มล.)

ขวดแก้วที่สามารถปรับแต่งได้ช่วยมอบข้อได้เปรียบให้กับแบรนด์ความงามในการสร้างความโดดเด่นและสร้างความเชื่อมโยงกับผู้ซื้อ เมื่อบริษัทออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้สอดคล้องกับบุคลิกของแบรนด์ ลูกค้ามักจะจดจำแบรนด์ได้ดีขึ้นและมีความภักดีต่อยาวนานขึ้น ปัจจุบันเราเห็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่บรรจุภัณฑ์แบบเฉพาะบุคคลในทุกส่วนของวงการความงาม งานวิจัยชิ้นหนึ่งได้ค้นพบสิ่งที่น่าสนใจ กล่าวคือ มีผู้บริโภบเกือบครึ่ง (ประมาณร้อยละ 44) ที่ชอบซื้อสินค้าที่สามารถปรับแต่งให้เป็นแบบส่วนตัวได้ แบรนด์อย่าง Lush และ Kjaer Weis ต่างเข้าใจถึงเทรนด์นี้เป็นอย่างดี โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าเลือกสี ฉลาก และแม้กระทั่งลวดลายพิเศษสำหรับบรรจุภัณฑ์ของตน ทว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับแค่เพียงการดูดีบนชั้นวางสินค้าเท่านั้น การออกแบบบรรจุภัณฑ์เฉพาะบุคคลยังช่วยสร้างความผูกพันทางอารมณ์กับผู้ซื้อที่ต้องการสินค้าที่รู้สึกว่าเป็นของตนเองอย่างแท้จริง แตกต่างจากสิ่งที่คนอื่นมี

ขวดรองพื้นรูปทรงสี่เหลี่ยมแบบเคลือบฟรอสต์พร้อมหัวปั๊มสำหรับจ่ายผลิตภัณฑ์

ขวดฐานแก้วที่มีผิวสัมผัสแบบฝ้าผสานรวมความสวยงามเข้ากับประโยชน์ใช้สอย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมมันจึงได้รับความนิยมมากขึ้นในสินค้าระดับพรีเมียม พื้นผิวขุ่นของแก้วสร้างลุคที่สง่างามและมีระดับ และเมื่อใช้คู่กับหัวปั๊มที่มีคุณภาพดี จะช่วยลดการสูญเสียเนื้อผลิตภัณฑ์ในขณะที่ทำให้การใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้า จากการสำรวจล่าสุด พบว่าประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ของผู้ซื้อเลือกใช้หัวปั๊มแทนฝาแบบเดิม เพราะพวกเขารู้สึกว่าสะดวกกว่า และกังวลเรื่องการปนเปื้อนน้อยลง สิ่งที่เรากำลังเห็นอยู่นี้สอดคล้องกับกระแสนิยมการออกแบบแบบมินิมอลที่กำลังแพร่หลายในวงการเครื่องสำอางในปัจจุบัน แบรนด์ต่างๆ ต่างให้ความสำคัญกับการสร้างบรรจุภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่มองดูสวยงาม แต่ยังใช้งานได้ดีในสถานการณ์จริง มากกว่าแค่เป็นเพียงสิ่งที่ดูดีวางอยู่บนชั้นวางสินค้า

ภาชนะใส่ครีมทรงตรงสำหรับการนำเสนอระดับพรีเมียม

ภาชนะแก้วที่มีด้านข้างตรงสามารถโดดเด่นบนชั้นวางสินค้าได้อย่างชัดเจน เนื่องจากช่วยให้ลูกค้ามองเห็นได้ชัดเจนว่าด้านในมีอะไรบ้าง ดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ใช้งานได้จริงแบบนี้กลายเป็นที่นิยมมากขึ้นในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยเฉพาะแบรนด์ใหญ่ๆ อย่างเอสเต้ โลเดอร์ (Estee Lauder) และคลีนิก (Clinique) ที่ต่างก็ประสบความสำเร็จกับบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้ จุดเด่นของภาชนะเหล่านี้ที่ทำให้เหมาะกับการสร้างแบรนด์ก็คือ ความหลากหลายในการใช้งานกับผลิตภัณฑ์ครีมประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า โลชั่นบำรุงผิวกาย หรือแม้แต่สูตรการบำรุงที่มีความซับซ้อนเป็นพิเศษ คนส่วนใหญ่มักสังเกตเห็นภาชนะเหล่านี้ได้ทันทีด้วยรูปลักษณ์ที่สะอาดตา ซึ่งแท้จริงแล้วมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค

ขวดแก้วก้นหนาสำหรับเสถียรภาพที่ดีขึ้น

ขวดแก้วที่มีก้นหนาได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงนี้ เพราะใช้งานได้นานกว่าและยืนตั้งตรงได้ดีกว่า ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการใช้งานสินค้า รวมทั้งต้องการสิ่งที่มีดีไซน์สวยงามเมื่อวางโชว์ เมื่อขวดเหล่านี้ถูกวางอยู่บนชั้นวางสินค้าหรือบนเคาน์เตอร์ห้องครัว จะให้ความรู้สึกหรูหราและลดโอกาสการแตกร้าว ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าพวกเขาได้รับสิ่งที่คุ้มค่ากับการจ่ายเงินเพิ่มขึ้น หากมองเทรนด์การออกแบบในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าผู้ซื้อสินค้าแสดงความต้องการบรรจุภัณฑ์ที่ผสานความแข็งแรงเข้ากับความสวยงามไว้ด้วยกันอย่างแท้จริง แบรนด์ใหญ่ๆ เช่น ชาเนล (Chanel) และดิออร์ (Dior) ก็สังเกตเห็นแนวโน้มนี้เช่นเดียวกันจากข้อเสนอแนะของลูกค้า ฐานที่หนาขึ้นไม่เพียงแค่ปกป้องสิ่งที่อยู่ด้านในเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้บริษัทสามารถสร้างความแตกต่างจากสินค้าอื่นๆ บนชั้นวาง พร้อมทั้งยังคงภาพลักษณ์ที่สง่างามและน่าเชื่อถือ

การนำกลยุทธ์บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนมาใช้

ใบรับรองสำหรับการปฏิบัติตามข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม

การได้รับการรับรองที่สำคัญ เช่น ISO 14001 หรือ Cradle to Cradle นั้นมีความแตกต่างอย่างมาก เมื่อธุรกิจต้องการสร้างชื่อเสียงของแบรนด์ที่ดีกว่าและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า สิ่งที่เครื่องหมายรับรองเหล่านี้แสดงให้เห็นจริงๆ ก็คือบริษัทยึดมั่นตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่จริงจัง ทำให้ลูกค้ารู้ว่าพวกเขากำลังซื้อสินค้าที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อโลกมากเกินไป การวิจัยตลาดแสดงให้เห็นว่าผู้คนเริ่มมีแนวโน้มที่จะเลือกสินค้าที่ผลิตโดยบริษัทที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน และเราได้เห็นลูกค้าหลายคนเปลี่ยนไปซื้อสินค้าที่มีใบรับรองสีเขียวที่เหมาะสมในช่วงไม่นานมานี้ ประเด็นสำคัญที่ชัดเจนคือ มีแรงกดดันมากขึ้นอย่างแน่นอนต่อบริษัทในการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม และเครื่องหมายรับรองเล็กๆ เหล่านี้มีผลจริงๆ ต่อการขายสินค้าตามร้านค้าต่างๆ

ปัจจัยการออกแบบสำหรับระบบเติมใหม่

การสร้างระบบการเติมสินค้าที่ดีนั้นมีทั้งความท้าทายและโอกาสที่น่าตื่นเต้นสำหรับงานด้านความยั่งยืน แบรนด์ต่างพยายามคิดค้นวิธีการทำให้ระบบเหล่านี้ใช้งานได้ง่ายพอที่ผู้คนจะยอมใช้จริง พร้อมทั้งรักษาระดับคาร์บอนฟุตพรินต์ให้ต่ำอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น The Body Shop ที่ได้เปิดจุดเติมสินค้าในร้านค้าของตนเองจนสามารถลดขยะบรรจุภัณฑ์ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ผู้บริโภคก็เริ่มให้ความสนใจเรื่องการเติมสินค้าเพิ่มมากขึ้นด้วย จากการสำรวจล่าสุดพบว่าผู้บริโภคประมาณ 7 จาก 10 คนยินดีลองใช้วิธีการเติมนี้หากมีจุดให้บริการใกล้บ้าน ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นถึงสิ่งหนึ่งว่านักออกแบบจำเป็นต้องพัฒนานวัตกรรมอยู่เสมอ เพื่อให้ผู้คนยังคงมีส่วนร่วมกับทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ แทนที่จะกลับไปใช้ผลิตภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียวทิ้งเหมือนเดิม

การรวมกระจกกับวัสดุอนุรักษ์ธรรมชาติอื่น ๆ

การผสมแก้วกับวัสดุที่ยั่งยืน เช่น ไม้ไผ่ หรือพลาสติกที่ผ่านการรีไซเคิล สามารถสร้างทางเลือกในการบรรจุภัณฑ์ที่น่าสนใจได้มาก ซึ่งยังไม่ค่อยมีให้เห็นแพร่หลายนัก ตัวอย่างเช่นแบรนด์ LUSH ที่มีการทดลองนำวัสดุหลายชนิดมาผสมผสานกันในการทำบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ของตน แชมพูแบบแท่งของพวกเขามาพร้อมฉลากกระดาษที่ติดอยู่บนขวดแก้ว ซึ่งเป็นแนวคิดที่ใช้ได้ดี เพราะช่วยรักษาความสดของผลิตภัณฑ์ได้นานกว่าการใช้แค่กระดาษเพียงอย่างเดียว แต่แน่นอนว่ายังมีอุปสรรคในการนำบรรจุภัณฑ์จากวัสดุผสมเหล่านี้ออกสู่ตลาด ปัญหาหลักคือ ศูนย์รีไซเคิลส่วนใหญ่ยังไม่พร้อมรองรับการแยกวัสดุที่ประกอบด้วยองค์ประกอบหลายชนิด และผู้บริโภคเองก็มักสับสนว่าควรแยกทิ้งส่วนต่าง ๆ ลงถังรีไซเคิลอย่างไร สำหรับบริษัทที่ต้องการรักษาแนวทางรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยไม่ทำให้เสียความไว้วางใจจากลูกค้า การหาจุดสมดุลระหว่างความยั่งยืนและความเป็นไปได้จริงยังคงเป็นเรื่องที่ท้าทาย อย่างไรก็ตาม มีบางแบรนด์ที่ทำได้ดีกว่าคนอื่น ๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายังมีโอกาสในการพัฒนาเพิ่มเติมได้อีก

PREV : ภาชนะที่ปรับแต่งได้สำหรับแบรนด์ดูแลส่วนตัวและคนรัก DIY

NEXT : โซลูชันบรรจุภัณฑ์แก้วหลากหลายสำหรับร้านทำผมและสปา

Please leave message

If you have any suggestions, please contact us

Contact Us

Related Search

สนับสนุนโดย IT

สงวนลิขสิทธิ์ © บริษัท แคนตัน ยินเหม่า กลาส โปรดักต์ จำกัด  -  Privacy policy - Blog

email goToTop
×

Online Inquiry